ระบบ CAM ได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในงานขึ้นรูปโลหะ งานแม่พิมพ์ และงานผลิตชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยี CNC พัฒนาไปไกลกว่าเดิมจากเดิมที่ใช้เพียง 3 แกน มาสู่ CNC 4 แกน และ CNC 5 แกน ที่ช่วยให้การผลิตมีความแม่นยำสูงขึ้นและลดขั้นตอนการจับงานลงอย่างมาก
ความแตกต่างของ CAM สำหรับงาน 4 แกน
การใช้ CAM 4 แกน ช่วยให้เครื่อง CNC สามารถหมุนชิ้นงานได้หนึ่งแกนเพิ่มเติม เช่น แกน A หรือ แกน B จึงเหมาะกับงานทรงกระบอก งานเซาะร่องรอบท่อ งานแกะสลัก และงานที่ต้องหมุนชิ้นงานต่อเนื่อง การกำหนด Toolpath ของ CAM 4 แกนจะมีรูปแบบเฉพาะ เช่น Rotary Milling, Indexing ซึ่งเครื่อง 3 แกนไม่สามารถทำได้
ความแตกต่างของ CAM สำหรับงาน 5 แกน
ระบบ CAM 5 แกน จัดว่าเป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ยานยนต์ อวกาศ การบิน และงานขึ้นรูปซับซ้อน เนื่องจากสามารถหมุนและเอียงหัวกัดได้หลายทิศทาง ทำให้เครื่องเข้าถึงผิวงานที่ซับซ้อนได้ง่าย และช่วยลดจำนวนครั้งของการจับงานใหม่ลงอย่างมาก
CAM 5 แกน ดีกว่าอย่างไร?
- ผลิตชิ้นงานที่ซับซ้อนแบบ 3D ได้ในรอบเดียว
- พื้นผิวละเอียดและมีความแม่นยำสูงกว่า 3 แกน/4 แกน
- ลดเวลาในกระบวนการผลิต
- ลดความเสี่ยงเรื่องการชนของ Tool และ Holder เพราะ CAM มีระบบตรวจสอบการชนแบบ Real-time
เลือกใช้ CAM แบบไหนดี?
หากงานของคุณเป็นงานมาตรฐานทั่วไป เช่น งานปาดผิว งานไส งานกัด 2.5D เครื่อง 3 แกน อาจเพียงพอ แต่ถ้าต้องผลิตงานที่มีมิติซับซ้อน มีผิวเอียง หรือรูปทรงอิสระ 4 แกน และ 5 แกน จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า โดยเฉพาะการใช้ CAM ที่ออกแบบมาเฉพาะ เช่น 5-axis simultaneous, swarf machining, multi-surface milling
สรุปแล้วระบบ CAM 4 แกน และ 5 แกน ช่วยยกระดับคุณภาพงานผลิตให้มีความละเอียด รวดเร็ว และแม่นยำมากขึ้น เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการลดเวลา ลดต้นทุน และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมยุคใหม่
CAM, CAM 4 แกน, CAM 5 แกน, CNC 4 แกน, CNC 5 แกน, โปรแกรม CAM, งานกัด 5 แกน, เทคโนโลยีการผลิต, CNC Machining
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น