เครื่อง EDM (Electrical Discharge Machining) หรือที่เรียกว่า เครื่องจักรคายประจุไฟฟ้า หรือ เครื่องสปาร์ค (Spark Machining) เป็นกระบวนการตัดเฉือนวัสดุที่ไม่ใช้การสัมผัสทางกายภาพ (Non-contact Machining) โดยใช้ พลังงานความร้อนจากประกายไฟฟ้า (Electrical Spark Erosion) เพื่อขจัดเนื้อวัสดุที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้าออกจากชิ้นงาน
1. หลักการทำงานพื้นฐานของ EDM
การทำงานของเครื่อง EDM อาศัยการควบคุมการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูงอย่างรวดเร็วและซ้ำ ๆ ระหว่างอิเล็กโทรด (Electrode) กับชิ้นงาน (Workpiece) โดยมีองค์ประกอบและขั้นตอนสำคัญดังนี้:
1.1 องค์ประกอบสำคัญ
อิเล็กโทรด (Electrode): ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือตัด ซึ่งอาจเป็นแท่งทองแดง, กราไฟต์, หรือลวดทองเหลือง (ในกรณีของ Wire EDM) อิเล็กโทรดจะถูกต่อเข้ากับขั้วหนึ่งของแหล่งจ่ายไฟฟ้า
ชิ้นงาน (Workpiece): วัสดุที่ต้องการตัดเฉือน ซึ่งต้องเป็น วัสดุที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้า (Electrically Conductive Material) ชิ้นงานจะถูกต่อเข้ากับอีกขั้วหนึ่งของแหล่งจ่ายไฟฟ้า
ของเหลวไดอิเล็กทริก (Dielectric Fluid): ชิ้นงานและอิเล็กโทรดจะถูกจุ่มอยู่ในของเหลวนี้ (มักเป็นน้ำมัน EDM หรือน้ำกลั่น) ของเหลวนี้ทำหน้าที่:
เป็นฉนวน: ป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร
ควบคุมการเกิดประกายไฟ: จะแตกตัวเป็นสื่อนำไฟฟ้าเมื่อแรงดันสูงพอ
ระบายความร้อน: ดูดซับความร้อนจากประกายไฟ
กำจัดเศษวัสดุ: ชะล้างอนุภาคโลหะที่หลอมละลายออกไปจากช่องว่างการตัด
1.2 กระบวนการเกิดประกายไฟ (Spark Erosion)
การควบคุมช่องว่าง (Spark Gap): ระบบเซอร์โวจะควบคุมให้อิเล็กโทรดเคลื่อนที่เข้าใกล้ชิ้นงานมากที่สุด (แต่ไม่สัมผัส) เพื่อให้มีช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างกัน (Micro-gap)
การแตกตัวของไดอิเล็กทริก (Dielectric Breakdown): เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่จ่ายระหว่างอิเล็กโทรดและชิ้นงานเพิ่มสูงขึ้น สนามไฟฟ้าในช่องว่างจะสูงขึ้นจนทำให้ของเหลวไดอิเล็กทริกแตกตัวเป็นสื่อนำไฟฟ้า (Ionization)
การปล่อยประจุ (Electrical Discharge): เกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าอย่างรวดเร็วในรูปของ ประกายไฟ (Spark) ข้ามช่องว่าง
การหลอมละลายและการระเหย: ประกายไฟนี้สร้างความร้อนสูงมาก (สูงถึง 8,000 ถึง 12,000 ºC หรือมากกว่า 20,000 °F) ซึ่งจะทำให้เนื้อวัสดุเล็ก ๆ บริเวณที่เกิดประกายไฟบนชิ้นงาน หลอมละลายและระเหย กลายเป็นไอ
การชะล้าง (Flushing): เมื่อประกายไฟดับลง ของเหลวไดอิเล็กทริกที่ไหลเวียนอยู่จะรีบชะล้างอนุภาคโลหะที่หลอมละลาย (เศษขี้โลหะหรือ Debris) ออกไปจากช่องว่าง
การเกิดซ้ำ (Repetition): กระบวนการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรวดเร็ว (หลายพันครั้งต่อวินาที) โดยระบบ CNC จะควบคุมการเคลื่อนที่ของอิเล็กโทรด ทำให้เกิดการ "กัดเซาะ" เนื้อวัสดุออกตามรูปทรงที่ต้องการได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
2. ประเภทหลักของเครื่อง EDM
การทำงานที่เฉพาะเจาะจงจะแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่อง EDM:
ข้อดีของ EDM
สามารถตัดวัสดุที่ แข็งมาก (เช่น เหล็กกล้าชุบแข็ง) ซึ่งยากต่อการตัดด้วยวิธีการทั่วไป
เป็นกระบวนการตัดเฉือนที่ ไม่มีแรงทางกล (No Mechanical Force) ทำให้สามารถตัดชิ้นส่วนที่บอบบางได้โดยไม่เกิดการบิดเบี้ยวหรือการเสียรูป
ให้ ความแม่นยำสูง และได้ผิวงานที่มีคุณภาพดี
สามารถสร้าง รูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน รูเล็ก ๆ และมุมด้านในที่คม (Internal Corners) ที่ไม่สามารถทำได้ด้วยการกัดทั่วไป